ทัชมาฮัล : เป็นอนุสาวรีย์แห่งความรั

ทัชมาฮัล : เป็นอนุสาวรีย์แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ของโลก เพราะที่นี่เป็นสุสานฝังศพของ มุมทัชมาฮัล ราชินีผู้ป็นที่รักยิ่งของ พระเจ้าชาห์เยฮัน อยู่ในเมืองอัคระ บนฝั่งแม่น้ำยมนา ประเทศอินเดีย มุมทัชมาฮาล เป็นมเหสีที่พระเจ้าชาห์เยฮันรักมากที่สุด พระนางสิ้นพระชนม์เพราะคลอดโอรสองค์ที่ 15 ซึ่งทำให้พระเจ้าชาห์เยฮัน เศร้าโศกมาก พระองค์จึงสร้างที่ฝังศพที่หญ่โตที่สุดในโลกขึ้นที่ริมแม่น้ำยมนา สร้างระหว่างปี พ.ศ. 2173-2191 เสียเวลาสร้างอยู่ 23 ปี ทกส่วนสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวนวลบริสุทธิ์ ตามแบบสถาปัตยกรรมเปอร์เซีย โดยสถาปนิก อุสตาด ไอสา (Ustad lsa) มีผู้ร่วมสร้างเป็น ผู้ออกแบบ ช่างเขียนลวดลาย ช่างอิฐ ช่างปูน ช่างประดับลวดลายด้วยกระเบื้อง ช่างแกะสลัก ช่างตกแต่งภายใน รวม 20,000 คน วัตถุในการก่อสร้าง คือ หินอ่อนสีขาวจากเมืองมะครานา หินอ่อนสีแดงจากเมืองฟาตีบุระ หินอ่อนสีเหลือง จากฝั่งแม่น้ำนรภัทฑ์ เพชรตาแมวจากกรุงแบกแดด ปะการัง และ หอยมุกจากมหาสมุทรอินเดีย หินเจียรไนสีฟ้าจากเกาะลังขะ เพชรจากเมืองบนทลขัณฑ์ สิ้นเงินค่าก่อสร้างประมาณ 1,000,000,000 บาท ซึ่งได้รับคำรับรองจากสถาปนิกทั่วโลกว่าสร้างขึ้นโดยถูกสัดส่วน และ วิจิตรงดงามที่สุด กว้างยาวด้านละ 39 เมตร ตรงกลางมีโดมสูง 60 เมตร มีโดมเล็กๆ เป็นหสูงอยู่ทั้ง 4 มุม ภายในประดับด้วย หินอ่อนสลักฉลุเป็นลวดลายวิจิตรตระการตาแทรกเสริมด้วย พลอยสี ทับทิม และนิล ตรงกลางภายใต้หลังคาโดมใหญ่มีแท่นวางหีบศพที่ทำด้วยหินอ่อน และมีฉากหินอ่อนฉลุลายงามเป็นพิเศษกั้นอีกชั้นหนึ่ง แต่ศพจริงๆ ไม่ได้บรรจุอยู่ในหีบ หากฝังอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินตรงกับที่วางหีบศพนั้น ภายหลังที่สร้างทัชมาฮัล ซาร์เจฮันใฝ่ฝันที่จะสร้าง ที่ฝังศพตัวเองที่ฝั่งแม่น้ำตรงกันข้ามจะเป็นหินอ่อนสีดำล้วนๆ แต่ลูกชายเกรงเงินจะหมดจะไม่มีใช้ เมื่อขึ้นครองราชสมบัติจึงจับพ่อขังอยู่ได้ 7 ปี ก็สิ้นพระชนม์ ประมาณปี พ.ศ.2209 แล้วเอาศพไปฝังข้างศพแม่ ส่วนนายช่างผู้ออกแบบถูกสั่งให้ประหาร ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีโอกาสออกแบบสิ่งก่อสร้างใด ๆ ที่สวยกว่าได้ ทัชมาฮัลเป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าสร้างขึ้นมาได้อย่างเหมาะสมสวยงามน่ามหัศจรรย์

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทัชมาฮัล: เป็นอนุสาวรีย์แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ของโลกเพราะที่นี่เป็นสุสานฝังศพของมุมทัชมาฮัลราชินีผู้ป็นที่รักยิ่งของพระเจ้าชาห์เยฮันอยู่ในเมืองอัคระบนฝั่งแม่น้ำยมนาประเทศอินเดียมุมทัชมาฮาลเป็นมเหสีที่พระเจ้าชาห์เยฮันรักมากที่สุดพระนางสิ้นพระชนม์เพราะคลอดโอรสองค์ที่ 15 ซึ่งทำให้พระเจ้าชาห์เยฮันเศร้าโศกมากพระองค์จึงสร้างที่ฝังศพที่หญ่โตที่สุดในโลกขึ้นที่ริมแม่น้ำยมนาสร้างระหว่างปีพ.ศ. 2173-2191 เสียเวลาสร้างอยู่ 23 ทกส่วนสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวนวลบริสุทธิ์ตามแบบสถาปัตยกรรมเปีปอร์เซียโดยสถาปนิกอุสตาดไอสา (Ustad lsa) มีผู้ร่วมสร้างเป็นผู้ออกแบบช่างเขียนลวดลายช่างอิฐช่างปูนช่างประดับลวดลายด้วยกระเบื้องช่างแกะสลักช่างตกแต่งภายในรวม 20000 คนคือหินอ่อนสีขาวจากเมืองมะครานาหินอ่อนสีแดงจากเมือวัตถุในการก่อสร้างงฟาตีบุระหินอ่อนสีเหลืองจากฝั่งแม่น้ำนรภัทฑ์เพชรตาแมวจากกรุงแบกแดดปะการังหอยมุกจากมหาสมุทรอินเดียหินเจียรไนสีฟ้าจากเกาะลังขะเพชรจากเมืองบนทลขัณฑ์สิ้นเงินค่าก่อสร้างประมาณและ 1,000,000,000 บาทซึ่งได้รับคำรับรองจากสถาปนิกทั่วโลกว่าสร้างขึ้นโดยถูกสัดส่วนและวิจิตรงดงามที่สุดกว้างยาวด้านละ 39 เมตรตรงกลางมีโดมสูง 60 เมตรมีโดมเล็ก ๆ เป็นหสูงอยู่ทั้ง 4 มุมภายในประดับด้วยหินอ่อนสลักฉลุเป็นลวดลายวิจิตรตระการตาแทรกเสริมด้วยพลอยสีทับทิมและนิลตรงกลางภายใต้หลังคาโดมใหญ่มีแท่นวางหีบศพที่ทำด้วยหินอ่อนและมีฉากหินอ่อนฉลุลายงามเป็นพิเศษกั้นอีกชั้นหนึ่งแต่ศพจริง ๆ ไม่ได้บรรจุอยู่ในหีบหากฝังอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินตรงกับที่วางหีบศพนั้นภายหลังที่สร้างทัชมาฮัลซาร์เจฮันใฝ่ฝันที่จะสร้างที่ฝังศพตัวเองที่ฝั่งแม่น้ำตรงกันข้ามจะเป็นหินอ่อนสีดำล้วน ๆ แต่ลูกชายเกรงเงินจะหมดจะไม่มีใช้เมื่อขึ้นครองราชสมบัติจึงจับพ่อขังอยู่ได้ปี 7 ก็สิ้นพระชนม์ประมาณปี พ.ศ.2209 แล้วเอาศพไปฝังข้างศพแม่ส่วนนายช่างผู้ออกแบบถูกสั่งให้ประหารทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีโอกาสออกแบบสิ่งก่อสร้างใดที่สวยกว่าได้ทัชมาฮัลเป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าสร้างขึ้นมาได้อย่างเหมาะสมสวยงามน่ามหัศจรรย์ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทัชมาฮัล: เพราะที่นี่เป็นสุสานฝังศพของมุมทัชมาฮัลราชินีผู้ป็นที่รักยิ่งของพระเจ้าชาห์เยฮันอยู่ในเมืองอัคระบนฝั่งแม่น้ำยมนาประเทศอินเดียมุมทัชมาฮาล 15 ซึ่งทำให้พระเจ้าชาห์เยฮันเศร้าโศกมาก สร้างระหว่างปี พ.ศ. 2173-2191 เสียเวลาสร้างอยู่ปี 23 ตามแบบสถาปัตยกรรมเปอร์เซียโดยสถาปนิกอุสตาดไอสา (Ustad LSA) มีผู้ร่วมสร้างเป็นผู้ออกแบบช่างเขียนลวดลายช่างอิฐช่างปูนช่างประดับลวดลายด้วยกระเบื้องช่างแกะสลักช่างตกแต่งภายในรวม 20,000 คนวัตถุในการก่อสร้างคือหินอ่อนสี ขาวจากเมืองมะครานาหินอ่อนสีแดงจากเมืองฟาตีบุระหินอ่อนสีเหลืองจากฝั่งแม่น้ำนรภัทฑ์เพชรตาแมวจากกรุงแบกแดดปะการังและหอยมุกจากมหาสมุทรอินเดียหินเจียรไนสีฟ้าจากเกาะลังขะเพชรจากเมืองบนทล ขั ณ ฑ์สิ้นเงินค่าก่อสร้างประมาณ 1,000,000,000 บาท และวิจิตรงดงามที่สุดกว้างยาวด้านละ 39 เมตรตรงกลางมีโดมสูง 60 เมตรมีโดมเล็ก ๆ เป็นหสูงอยู่ทั้ง 4 มุมภายในประดับด้วย พลอยสีทับทิมและนิล แต่ศพจริงๆไม่ได้บรรจุอยู่ในหีบ ภายหลังที่สร้างทัชมาฮัลซาร์เจฮันใฝ่ฝันที่จะสร้าง แต่ลูกชายเกรงเงินจะหมดจะไม่มีใช้ 7 ปีก็สิ้นพระชนม์ประมาณปี พ.ศ. 2209 แล้วเอาศพไปฝังข้างศพแม่ ๆ ที่สวยกว่าได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทัชมาฮัล :เป็นอนุสาวรีย์แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ของโลกเพราะที่นี่เป็นสุสานฝังศพของมุมทัชมาฮัลราชินีผู้ป็นที่รักยิ่งของพระเจ้าชาห์เยฮันอยู่ในเมืองอัคระบนฝั่งแม่น้ำยมนาประเทศอินเดียมุมทัชมาฮาล15 ซึ่งทำให้พระเจ้าชาห์เยฮันพระนางสิ้นพระชนม์เพราะคลอดโอรสองค์ที่เศร้าโศกมากพระองค์จึงสร้างที่ฝังศพที่หญ่โตที่สุดในโลกขึ้นที่ริมแม่น้ำยมนาสร้างระหว่างปีพ .ศ .23 ปี 2173-2191 เสียเวลาสร้างอยู่ทกส่วนสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวนวลบริสุทธิ์ตามแบบสถาปัตยกรรมเปอร์เซียโดยสถาปนิกอุสตาดไอสา ( ภายใต้ Hkey_local_machinesystemcurrentcontrolsetcontrollsa ) มีผู้ร่วมสร้างเป็นผู้ออกแบบ Ustad ช่างเขียนลวดลายช่างอิฐช่างปูน20 รวมช่างแกะสลักช่างตกแต่งภายใน000 คนคือวัตถุในการก่อสร้างหินอ่อนสีขาวจากเมืองมะครานาหินอ่อนสีแดงจากเมืองฟาตีบุระหินอ่อนสีเหลืองจากฝั่งแม่น้ำนรภัทฑ์เพชรตาแมวจากกรุงแบกแดดปะการังและชมหอยมุกจากมหาสมุทรอินเดียเพชรจากเมืองบนทลขัณฑ์สิ้นเงินค่าก่อสร้างประมาณ 1000.000 ,000 บาทซึ่งได้รับคำรับรองจากสถาปนิกทั่วโลกว่าสร้างขึ้นโดยถูกสัดส่วนวิจิตรงดงามที่สุดกว้างยาวด้านละ 39 เมตรและ 60 เมตรตรงกลางมีโดมสูงมีโดมเล็กๆเป็นหสูงอยู่ทั้ง 4 มุมภายในประดับด้วยทับทิมพลอยสีและนิลตรงกลางภายใต้หลังคาโดมใหญ่มีแท่นวางหีบศพที่ทำด้วยหินอ่อนและมีฉากหินอ่อนฉลุลายงามเป็นพิเศษกั้นอีกชั้นหนึ่งแต่ศพจริงๆไม่ได้บรรจุอยู่ในหีบภายหลังที่สร้างทัชมาฮัลซาร์เจฮันใฝ่ฝันที่จะสร้างที่ฝังศพตัวเองที่ฝั่งแม่น้ำตรงกันข้ามจะเป็นหินอ่อนสีดำล้วนๆแต่ลูกชายเกรงเงินจะหมดจะไม่มีใช้เมื่อขึ้นครองราชสมบัติจึงจับพ่อขังอยู่ได้ 7 ปีก็สิ้นพระชนม์พ .ศ .2209 แล้วเอาศพไปฝังข้างศพแม่ส่วนนายช่างผู้ออกแบบถูกสั่งให้ประหารทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีโอกาสออกแบบสิ่งก่อสร้างใดที่สวยกว่าได้ๆ